ให้เราช่วยเหลือคุณได้อย่างไร?
การเก็บข้อมูลกับโอมิเซะโดยใช้ Metadata API
Last updated on 10 พฤษภาคม 2022ตามปกติแล้วในรายการรับชำระเงิน (charge object) จะมีการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานไว้อยู่แล้ว เช่น ราคา, สถานะของรายการ, สกุลเงินที่ผู้ซื้อชำระเข้ามา เป็นต้น ซึ่งร้านค้าสามารถใช้ Metadata API ในการเก็บข้อมูลเฉพาะของรายการไว้กับ charge object ได้เพิ่มขึ้น เช่น จัดเก็บรายการคำสั่งซื้อ (Order ID) หรือ จัดเก็บหมายเลข tracking number เพื่อนำมาใช้ในการอ้างอิงข้อมูล หรือกระทบยอด (reconcile) ได้
Metadata สามารถเก็บข้อมูลอะไรได้บ้าง?
ในส่วนของขอบเขตข้อมูลที่สามารถจัดเก็บได้นั้น ร้านค้าสามารถกำหนดเองได้ ไม่มีข้อจำกัด เราขอยกตัวอย่างการนำ Metadata API ไปใช้ ดังนี้:
- จัดเก็บรายการคำสั่งซื้อ (Order ID) ไว้กับรายการรับชำระเงิน (charge object) เพื่อให้ง่ายต่อการกระทบยอด (reconcile) ในภายหลัง
- เก็บข้อมูลการจัดส่ง หรือระบุรุ่นของสินค้าไว้กับรายการรับชำระเงิน (charge object) ทำให้สามารถติดตามตรวจสอบรายการผ่านแดชบอร์ดของโอมิเซะได้เลย
- จัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานของฝ่ายบัญชี ให้เจ้าหน้าที่ในแผนกเรียกดูข้อมูลทั้งหมดจากที่เดียว ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้ เราให้ผู้ใช้งานเพิ่ม custom JSON ลงใน description field ของ charge object แต่ปัจจุบัน เราได้พัฒนา metadata API ขึ้นเพื่อให้ร้านค้าจัดเก็บข้อมูลได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยได้เพิ่ม metadata key เข้าไปใน Charge และ Customer API แล้ว ซึ่ง key นี้ต้องใส่เป็น JSON Hash ส่วนค่าข้างในสามารถกำหนดได้ตามต้องการ
ตัวอย่าง PHP
<?php
$charge = OmiseCharge::create(array(
'description' => 'Payment for Order #3947',
'currency' => 'thb',
'amount' => 10000,
'card' => 'tokn_test_58307zpezucfvb6u1ty',
'metadata' => array(
'order_id' => '3947'
)
));
ตัวอย่างข้อมูล JSON ที่ตอบกลับ
{
"object": "charge",
"description": "Payment for Order #3947",
"metadata": {
"order_id": "3947"
},
"...": "..."
}
ใช้ Metadata API แล้วเป็นอย่างไร หากมี use case อื่นๆ ที่น่าสนใจ หรือพบ bug สามารถพูดคุยแนะนำเข้ามาได้เลยที่ Gitter
ไม่พบคำตอบที่คุณต้องการ?
เราใส่ใจและเต็มที่กับการให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ หรือเกิดปัญหาใดๆ จากการใช้งาน ติดต่อเราได้เสมอ